กรุงเทพฯ เมืองหลวงที่มีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไม่ต่างจากต่างจังหวัด

กรุงเทพฯ 5

หนึ่งในหัวข้อที่มักถูกเอ๋ยถึงในการพัฒนาจังหวัดกรุงเทพมหานครหมายถึงการเรียนรู้

ดังจะมองเห็นได้จากในแผนพัฒนากรุงเทวดาฯ ตั้งแต่ฉบับที่ 1 พุทธศักราช2520-2524 จนกระทั่งแผนปรับปรุงระยะ 20 ปี พุทธศักราช2556-2575 ที่ชอบมุ่งปรับปรุงสถานศึกษาให้มีมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งให้เด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ภาคบังคับ โดยฉบับปัจจุบันมุ่งหมายว่า “มีโรงแรมขึ้นอยู่กับ กรุงเทพมหานครจัดแจงเล่าเรียนพื้นฐานครอบคลุมทุกระดับชั้น แล้วก็มีการใช้หลักสูตรเขตแดนจังหวัดกรุงเทพ”เหมือนกันกับผู้สมัครผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ที่ชอบกล่าวถึงเรื่องการเรียนมาเป็นเลิศในแนวทางรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอยู่เป็นประจำ โดยส่วนมากมักเสนอว่า “ปรับปรุงสถานที่เรียนขึ้นตรงต่อ กรุงเทพมหานคร ให้มีมาตรฐาน” ด้วยมิติต่างๆกันไป อย่างเช่น เพิ่มการศึกษาเล่าเรียนการสอนภาษาที่ 3 ร่วมด้วยเชิญชวนตรวจการจัดการศึกษาเล่าเรียนในเมืองหลวงที่นี้ เพื่อความรู้ความเข้าใจเหตุการณ์การจัดการเล่าเรียนในจังหวัดกรุงเทพ ในขั้นแรกว่า โรงเรียนประถมศึกษาฯ และก็มัธยมฯ กระจายตัวเช่นไรในแต่ละเขต สอดคล้องกับปริมาณมวลชนมากมายน้อยแค่ไหน แล้วก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีการจัดแบ่งงบประมาณและก็มีปัญหาอย่างไรบ้างสำเร็จการศึกษาชั้นประถมฯ แต่ว่าไม่มีโรงเรียนมัธยมศึกษาฯ ให้ไปต่อ

กรุงเทพฯ 5
การจัดการเล่าเรียนของสถานศึกษาในกรุงเทพมหานคร เป็นการทำงานด้วยกันระหว่างหลายหน่วยงานที่เกี่ยวโยง

เหตุเพราะมีสถานศึกษาหลากหลายชนิดทั้งยังสถานศึกษาขึ้นอยู่กับจังหวัดกรุงเทพ ที่ทำการการเรียนรู้ขั้นต้น สํานักงานคณะกรรมการช่วยเหลือการเรียนเอกชน และก็มหาวิทยาลัย สำหรับสถานศึกษาที่อยู่ภายใต้จังหวัดกรุงเทพมหานครจะได้รับงบประมาณจัดแบ่งจากกรุงเทพมหานคร ผ่านสำนักการเรียนและก็สำนักงานเขต ยิ่งกว่านั้นการวิวัฒนาการเรียนรู้ยังจะต้องเป็นไปตามหลักการทางการศึกษาของรัฐบาล แนวทางศึกษาเล่าเรียนแห่งชาติ 2560-2579 และก็แผนพัฒนากรุงเทวดาฯ ระยะ 20 ปีอีกด้วย มีโรงเรียนชั้นประถมฯ รวมทั้งมัธยมฯ ขึ้นอยู่กับสำนักการเรียนรู้จังหวัดกรุงเทพ 437 ที่ และก็ขึ้นอยู่กับที่ทำการคณะกรรมการการศึกษาเล่าเรียนขั้นต้น (สพฐ.) 158 ที่ รวม 595 ที่ ส่วนสถานศึกษาที่ทำการคณะกรรมการเกื้อหนุนการเรียนรู้เอกชนมี 825 ที่ ซึ่งคิดเป็นสถานศึกษาสามัญศึกษา 729 ที่ รวมทั้งโรงเรียนนานาชาติ 96 ที่เมื่อเปรียบรูปร่างระหว่างปริมาณสถานศึกษาต่อ 1,000 พลเมือง ซึ่งนับเฉพาะสถานศึกษาขึ้นตรงต่อ กรุงเทพมหานคร แล้วก็ สพฐ. โดยไม่แบ่งประเภทและชนิดระดับชั้นแล้วก็ขนาดของสถานศึกษา จากข้อมูลจะเห็นภาพรวมพื้นฐานได้ว่า มีไม่เหมือนกันอย่างยิ่งระหว่างเขตที่ปริมาณสามัญชนต่อสถานศึกษาต่ำที่สุดกับสูงที่สุด โดยไม่เหมือนกันแทบ 30 เท่า พอๆกับว่า คุณภาพสำหรับในการเรียนการสอนบางครั้งก็อาจจะแตกต่างมากมายตามไปด้วย เพราะอาจารย์จำเป็นต้องแบกภาระหนักจากปริมาณเด็กนักเรียนที่มากกว่า แล้วก็อาจทำให้มวลชนวัยผู้เรียนที่อยู่ในเขตคัดดินยาวจำเป็นต้องเดินทางไปเรียนที่เขตอื่นแทน เพื่อได้เรียนสถานศึกษาที่มีคุณภาพดียิ่งกว่า

แนะนำข่าวการศึกษา อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย :  “กระทรวงศึกษาธิการ” ปลดล็อกการศึกษาไทย ด้วยนโยบาย “ซ่อม สร้าง ป้องกัน”