ระบบบำนาญแห่งชาติที่มีความเป็นธรรมและยั่งยืน

ระบบบำนาญ 20

โดย..ดร.คราวปกร จิร์การเป็นไปกุลชัย คณะเศรษฐศาสตร์รวมทั้งหน่วยงานวิจัยความแตกต่างและก็หลักการสังคม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เศรษฐศาสตร์  ระบบเบี้ยบำนาญแห่งชาติ เป็นความคุ้มครองปกป้องทางด้านสังคมชนิดหนึ่งตามหลักเศรษฐวิทยาสาธารณะ ซึ่งความปกป้องด้านสังคม คือ ระบบหรือมาตรการคุ้มครองปกป้องเบื้องต้น เพื่อช่วยคุ้มครองป้องกันการเสี่ยงจากซวย ช่วยปกป้องไม่ให้เปลี่ยนเป็นคนยากจนข้นแค้น ระบบเบี้ยบำนาญแห่งชาติ จะเป็นเครื่องไม้เครื่องมือแนวทางสำหรับคนชราที่สามารถจะช่วยโอบอุ้มสังคมไทยจากการเสี่ยงที่จะกำเนิดวิกฤตความจนในคนยากจนสูงอายุ ดังนี้ พวกเราจำเป็นต้องเน้นว่า เบี้ยเลี้ยงชีวิตคนวัยแก่จะต้องเป็นสิทธิเบื้องต้นด้านความคุ้มครองป้องกันด้านสังคมที่สามัญชนควรได้รับรวมทั้งเป็นการ “เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข” ในสังคม ไม่ใช่ การอนุเคราะห์คนยากจนการพัฒนาระบบเบี้ยบำนาญแห่งชาติ ได้มีข้อเสนอแนะมากมานานกว่าทศวรรษ จากอีกทั้งภาคพลเมือง ภาคแผนการและหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนสาขาวิชาการ แต่ว่าก็ยังปราศจากความก้าวหน้าอย่างเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม ในขณะที่ สังคมควรควรจะมีความรู้สึกกังวลด้วยกันเรื่องการเสี่ยงที่จะกำเนิดวิกฤตมวลชนทางด้านสังคมสูงอายุ เสมือนที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศประเทศญี่ปุ่นทุกๆวันนี้ เมืองไทยได้สร้างฐานรากสำหรับระบบเงินบำนาญชราภาพค่อนจะตามมีตามเกิด เพราะเหตุว่ายังมีคนภายในวัยทำงานเยอะแยะที่อยู่นอกระบบและไม่มีเงินบำนาญพอเพียงในวัยเกษียณอายุ นอกเหนือจากนั้น ระบบเงินบำนาญของไทยกำลังพบเจอข้อท้าจากการที่มวลชนคนสูงอายุมากขึ้นโดยตลอดเร็วทันใจ โดยเฉพาะ สึนามิราษฎรคนวัยแก่ หรือ silver tsunamiเป็นสามัญชนรุ่นผู้ที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง กำเนิดปีละหนึ่งล้านคน ต่อเนื่องกันตรงเวลา 20 ปี รวมทั้งกำลังเริ่มไปสู่ปลดเกษียณวัย เมืองไทยกำลังแก่เร็วมาก ตามรูปทรงผู้สูงวัยวัย 60 ปี ขึ้นไป จะมากขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของสามัญชนไทยข้างใน 20 ปี หรือ ถ้าหากนับวัยสูงอายุที่ 65 ปีขึ้นไป ก็จะคิดเป็น 1 ใน 4 ของสามัญชน ก็เลยเป็นปัญหาสำคัญว่า เมืองไทยจะมีแผนสำหรับการต่อกรเช่นไรเพราะเหตุว่าความเคลื่อนไหวองค์ประกอบพลเมืองดังที่กล่าวถึงแล้ว จะมีผลต่อตลาดแรงงานรวมทั้งเศรษฐกิจมหภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเหตุนั้น ก็เลยมีความนัยยะสำคัญต่อความสามารถรวมทั้งการเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจของคนประเทศไทยในอนาคต

ระบบบำนาญ 20

ประเด็นสำคัญของ “ระบบเบี้ยบำนาญแห่งชาติที่มีความเที่ยงธรรมรวมทั้งยืนนาน”เป็นการเน้นให้ความเอาใจใส่กับรายได้ข้างหลังการเกษียณ

เศรษฐศาสตร์  ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมากที่จะจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาอย่างเร่งด่วน โดยพิจารณาถึงบริบทความจริงทางเศรษฐศาสตร์การเมือง เพราะว่าแรงงานแล้วก็คนสูงอายุโดยมาก มีรายได้น้อย ไม่มีความสามารถสำหรับเพื่อการออม ได้รับเบี้ยเลี้ยงปากเลี้ยงท้องน้อยนิด แล้วถูกตอกย้ำซ้ำเติมด้วยการแพร่ระบาดของ COVID-19 และก็ ราคาของกินแล้วก็พลังงานที่มากขึ้นการพินิจพิเคราะห์ความคุ้มครองป้องกันด้านสังคมรวมทั้งการลงทุนในคุณภาพชีวิตของชาวไทย จำเป็นมากที่จะจะต้องตระหนักถึงปัญหาความแตกต่างรวมทั้งความชอบธรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจ เพราะว่าแรงงานไทยเป็นจำนวนมากดำเนินการเพียงแต่ได้เพียงพอดำรงชีพ เวลาที่ค่ามัธยฐานการบริโภคหรือตรงตรงกลางของชาวไทย มีค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคเพียงแค่วันละ 200 บาทเพียงแค่นั้น ก็เลยคงจะสะท้อนว่า ชีวิตชาวไทยโดยมากจำต้องยากลำเค็ญขนาดไหน เวลาที่ความแตกต่างของเมืองไทยติดอันดับเยอะที่สุดในโลกถ้าหากพิจารณาถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ออกจะบอบบางในตอนหลายปีก่อนหน้านี้ ก่อให้เกิดผลเสียต่อรายได้ของผู้สูงวัยและก็ครอบครัวอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ระบบเบี้ยบำนาญแห่งชาติจะเป็นระบบความคุ้มครองปกป้องทางด้านสังคมสำหรับคนชรา สามารถช่วยทุเลาปัญหาความทุกข์ใจด้านเศรษฐกิจจากความยากแค้นครอบครัว อันจะเกิดผลดีต่อตัวเลขความแร้นแค้นในระดับประเทศแม้ไตร่ตรองตามหลักวิชาเศรษฐวิทยาสาธารณะ เพื่อจัดแบ่งทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้กำเนิดผลดีสูงสุด โดยมีประโยชน์สำคัญเป็น การถ่ายโอนทรัพยากร ทำให้สังคมโดยรวมหรูหราชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น พวกเราควรจะพินิจระบบเบี้ยบำนาญแห่งชาติในหัวข้อ “ความมีประสิทธิภาพ”หมายถึงผลตัวสองเท่าต่อระบบเศรษฐกิจ (multiplier effect) รวมทั้งการป้องกันความจน (poverty protection) ในระหว่างที่ข้อความสำคัญ “ผู้กระทำระจายอปิ้งยุติธรรม” น่าจะพิจารณาถึงการจัดสรรทรัพยากรใหม่ (wealth redistribution) ที่ช่วยสร้างความยุติธรรม ซึ่งตามแนวความคิดดุลยภาพทั่วๆไป (general equilibrium) สามารถพิสูจน์ว่า เป็น Pareto optimalityหมายถึงมีคุณภาพสูงสุดสำหรับทั้งยังสังคม

แนะนำเศรษฐศาสตร์ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ชาวลาวข้องใจค่าไฟแพงแม้เขื่อนเต็มประเทศ ร้องรัฐทบทวนนโยบาย-ปรับลดราคา